Furnace, Forsaken Swordsmith
หลังจากสงครามครั้งนั้นจบลง ข้าไร้ซึ่งจุดหมาย เป็นชายผู้ไม่มีหน้าที่
หรือแม้แต่สิ่งที่จะใช้ชีวิตเพื่ออุทิศให้ ดั่งงานของข้าถูกพรากไป
อาวุธที่ข้าสร้างถูกทิ้งไว้กลางสมรภูมิ ถูกสนิมค่อยๆกัดกินไปบนผิวดิน
ไร้โอกาสที่จะกลับมาเฉิดฉายในมือของนักรบผู้ทรงเกียรติอีกครั้ง
การคงอยู่โดยไร้ความขัดแย้งช่างน่าอดสู เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ไร้แก่นสารอย่างถึงที่สุด
ข้าไม่ใช่ผู้เดียวที่คิดเช่นนี้
ข้าเห็นมันแจ่มชัดในเงาสะท้อนดวงตาสหายเก่าของข้าทุกคน
มันคือความว่างเปล่าที่คละเคล้าไปกับความระทมลึก แม้แต่คำสอนอันยิ่งใหญ่ของ Solthecius
ก็ไม่อาจทำให้จิตใจสงบ นับพันนับหมื่นชั่วโมงที่เฝ้าสวดมนต์อธิษฐานไร้ความหมาย
ข้ากลัวเหลือเกินเมื่อ August Lord ละสายตาจากเราเหล่าทหารหาญที่บัดนี้ไม่มีโอกาสที่จะเดินทัพข้ามสนามรบภายใต้ธงแสนสดใสและน่าเกรงขาม
แต่สุดท้ายเรื่องราวเหล่านั้นล้วนไร้ความหมายเมื่อ Honour ต้องการให้ข้ายังคงสานต่องานใน
Blacksmith’s Guild และข้าตัดสินใจทำเช่นนั้นอย่างสุดความสามารถท่ามกลางโลกที่ล่มสลาย
ครั้งหนึ่งข้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศในฐานะช่างตีดาบที่ดีที่สุดแห่งยุค
แต่นับจากนี้จะเป็นที่ประจักษ์ว่าข้าจะไม่สร้างคมดาบใดอีก
ตลอดจนปฏิเสธโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอาวุธมหากาฬอันลือชื่อของข้า
ข้าจะบีบอัดความแค้นลงสู่เหล็กกล้าที่แดงฉานด้วยความร้อนขณะขึ้นรูปไม่สิ้น
การจองเวรของข้าจะผุดขึ้นจากเพลิงโชติช่วงในเตาหลอม
ความร้อนระอุที่สร้างรอยแผลเป็นบนใบหน้าและพรากตาขวาของข้าไปจะโหมกระพือไปหามันผู้ใดก็ตามที่ทำให้พวกเราเป็นเช่นนี้
ดังอาวุธคลั่งที่จะสงบลงด้วยการแก้แค้นอย่างสาสมเท่านั้น
แม้จะดูเหลาะแหละเมื่อเปรียบกับมหาสงครามอันโหดเหี้ยมกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเมื่อครั้งอดีต
อย่างไรเสีย Guild Ball คือศึกเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในอาณาจักรใหม่
สิ่งเดียวที่เหลือรอดสำหรับผู้พิศวาสการสู้รบอย่างถ่องแท้
ด้วยสิ่งนี้ข้าจึงยังสามารถคงอุดมการณ์แห่งวรรณะอันสูงส่งเยี่ยงข้าได้อย่างชัดแจ้ง
และปฏิบัติในสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยปลูกร่างสร้างฐานอันมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองแห่งมาตุภูมิ
ห้วงเวลาสำหรับการสร้างสรรค์อนาคตได้มาอยู่เบื้องหน้าแล้ว
เมื่อมือที่เคยกุมด้ามดาบยังคงแข็งแกร่ง
และหัวใจอันบอบช้ำของเหล่าเราจะกลับคืนสู่สภาพพร้อมรบประดุจเหล็กกล้า
- Furnace,Master of the Blacksmith's Guild
Cinder, The Fated Urchin
ไม่ใช่ทุกคนหลังกำแพงสูงสีขาวปรอดนั้นจะยอมคุกเข่าเมื่ออยู่ต่อหน้าบัลลังก์แห่ง
Bacchal และ Piervo
ก็ไม่ต่างจากเมืองอื่นๆที่ยังมีถนนที่สกปรกโสมมและตรอกซอกซอยที่ถูกทิ้งร้างไร้การเหลียวแล
ต่างจากคำโอ้อวยสวยหรูของพวกบาทหลวงและภาคีอันน่ารังเกียจของพวกเขา ข้าและญาติพี่น้องต่างเกิดในเมืองนี้
เด็กข้างถนนที่ถูกทิ้งหรือหนีออกจากบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ยังมีชีวิตรอดในทุกๆลมหายใจ
คณะบาทหลวงไม่แยแสอีกทั้งยังรังเกียจพวกเราด้วยซ้ำ
แทบทั้งหมดของเด็กๆที่นำไปพึ่งพิงพวกเขาจะอดตายในเวลาไม่ถึงสิบวัน
และพวกเขาไม่แม้แต่จะนึกเสียใจด้วยซ้ำ
ฉันไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้
แม้ตอนนี้ฉันยังไม่ได้พอใจหรือภูมิใจในสิ่งที่เป็นอยู่
หรือจะกระด้างกระเดื่องกับผู้ชายที่บัดนี้ฉันเรียกเขาว่าอาจารย์
ผู้ที่รับฉันเป็นศิษย์ ติดตามเขาเหมือนลูกหมาวิ่งกระดิกหางตามเจ้าของ เท่าที่นึกย้อนไปได้
ขณะเดินสอดส่องไปตามถนนฉันคิดเพียงอย่างเดียวว่าอยากที่จะหนีออกไปให้ไกล
และอาจารย์ Furnace ก็เข้ามาเสนอหนทางรอดให้ฉันได้อย่างตรงใจ ภายใต้การปกครองของเขา
เขาแสดงให้ฉันเห็นถึงความอดทน มุ่งมั่น และจิตใจที่แน่วแน่
ควบคู่ไปกับการอุทิศตนเพื่ออุดมการณ์อย่างจริงจังเกินกว่านักบวชคนใดๆจะมีต่อโบสถ์ของพวกเขาเสียอีก
ในขณะที่ฉันไม่คิดที่จะขึ้นไปเทียบเคียงวิชาของอาจารย์
อย่างน้อยฉันก็ใช้ความสามารถอื่นๆที่มีเพื่อ Guild ด้วยทักษะที่สั่งสมมาในระหว่างที่เอาตัวรอดไปบนท้องถนน
เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำได้ สิ่งง่ายๆที่ไม่ต้องรอให้อาจารย์ Furnace
บอก
สำหรับฉันแล้วเขาเป็นเหมือนกับที่พึ่งทางจิตใจของผู้คนที่ยากจน
มันอาจจะยังไม่ใช่ที่ที่ฉันฝันถึง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันท้องอิ่ม
ตอนกลางคืนก็ได้หลับบนเตียงนุ่มๆแทนที่จะต้องนอนบนพื้นหินที่แข็งและเย็นเฉียบ
และด้วยความสัตย์จริง สิ่งที่ฉันอยากได้ก็เหลือเพียงไม่กี่อย่างแล้ว
- Cinder, Blacksmith's Guild
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น