วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

Guild Ball: ประวัติ Furnace และ Cinder


Furnace, Forsaken Swordsmith


หลังจากสงครามครั้งนั้นจบลง ข้าไร้ซึ่งจุดหมาย เป็นชายผู้ไม่มีหน้าที่ หรือแม้แต่สิ่งที่จะใช้ชีวิตเพื่ออุทิศให้ ดั่งงานของข้าถูกพรากไป อาวุธที่ข้าสร้างถูกทิ้งไว้กลางสมรภูมิ ถูกสนิมค่อยๆกัดกินไปบนผิวดิน ไร้โอกาสที่จะกลับมาเฉิดฉายในมือของนักรบผู้ทรงเกียรติอีกครั้ง การคงอยู่โดยไร้ความขัดแย้งช่างน่าอดสู เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ไร้แก่นสารอย่างถึงที่สุด

ข้าไม่ใช่ผู้เดียวที่คิดเช่นนี้ ข้าเห็นมันแจ่มชัดในเงาสะท้อนดวงตาสหายเก่าของข้าทุกคน มันคือความว่างเปล่าที่คละเคล้าไปกับความระทมลึก แม้แต่คำสอนอันยิ่งใหญ่ของ Solthecius ก็ไม่อาจทำให้จิตใจสงบ นับพันนับหมื่นชั่วโมงที่เฝ้าสวดมนต์อธิษฐานไร้ความหมาย ข้ากลัวเหลือเกินเมื่อ August Lord ละสายตาจากเราเหล่าทหารหาญที่บัดนี้ไม่มีโอกาสที่จะเดินทัพข้ามสนามรบภายใต้ธงแสนสดใสและน่าเกรงขาม

แต่สุดท้ายเรื่องราวเหล่านั้นล้วนไร้ความหมายเมื่อ Honour ต้องการให้ข้ายังคงสานต่องานใน Blacksmith’s Guild และข้าตัดสินใจทำเช่นนั้นอย่างสุดความสามารถท่ามกลางโลกที่ล่มสลาย

ครั้งหนึ่งข้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศในฐานะช่างตีดาบที่ดีที่สุดแห่งยุค แต่นับจากนี้จะเป็นที่ประจักษ์ว่าข้าจะไม่สร้างคมดาบใดอีก ตลอดจนปฏิเสธโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอาวุธมหากาฬอันลือชื่อของข้า ข้าจะบีบอัดความแค้นลงสู่เหล็กกล้าที่แดงฉานด้วยความร้อนขณะขึ้นรูปไม่สิ้น การจองเวรของข้าจะผุดขึ้นจากเพลิงโชติช่วงในเตาหลอม ความร้อนระอุที่สร้างรอยแผลเป็นบนใบหน้าและพรากตาขวาของข้าไปจะโหมกระพือไปหามันผู้ใดก็ตามที่ทำให้พวกเราเป็นเช่นนี้ ดังอาวุธคลั่งที่จะสงบลงด้วยการแก้แค้นอย่างสาสมเท่านั้น

แม้จะดูเหลาะแหละเมื่อเปรียบกับมหาสงครามอันโหดเหี้ยมกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเมื่อครั้งอดีต อย่างไรเสีย Guild Ball คือศึกเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในอาณาจักรใหม่ สิ่งเดียวที่เหลือรอดสำหรับผู้พิศวาสการสู้รบอย่างถ่องแท้ ด้วยสิ่งนี้ข้าจึงยังสามารถคงอุดมการณ์แห่งวรรณะอันสูงส่งเยี่ยงข้าได้อย่างชัดแจ้ง และปฏิบัติในสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยปลูกร่างสร้างฐานอันมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองแห่งมาตุภูมิ

ห้วงเวลาสำหรับการสร้างสรรค์อนาคตได้มาอยู่เบื้องหน้าแล้ว เมื่อมือที่เคยกุมด้ามดาบยังคงแข็งแกร่ง และหัวใจอันบอบช้ำของเหล่าเราจะกลับคืนสู่สภาพพร้อมรบประดุจเหล็กกล้า
- Furnace,Master of the Blacksmith's Guild



Cinder, The Fated Urchin


ไม่ใช่ทุกคนหลังกำแพงสูงสีขาวปรอดนั้นจะยอมคุกเข่าเมื่ออยู่ต่อหน้าบัลลังก์แห่ง Bacchal และ Piervo ก็ไม่ต่างจากเมืองอื่นๆที่ยังมีถนนที่สกปรกโสมมและตรอกซอกซอยที่ถูกทิ้งร้างไร้การเหลียวแล ต่างจากคำโอ้อวยสวยหรูของพวกบาทหลวงและภาคีอันน่ารังเกียจของพวกเขา ข้าและญาติพี่น้องต่างเกิดในเมืองนี้ เด็กข้างถนนที่ถูกทิ้งหรือหนีออกจากบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ยังมีชีวิตรอดในทุกๆลมหายใจ คณะบาทหลวงไม่แยแสอีกทั้งยังรังเกียจพวกเราด้วยซ้ำ แทบทั้งหมดของเด็กๆที่นำไปพึ่งพิงพวกเขาจะอดตายในเวลาไม่ถึงสิบวัน และพวกเขาไม่แม้แต่จะนึกเสียใจด้วยซ้ำ

ฉันไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้

แม้ตอนนี้ฉันยังไม่ได้พอใจหรือภูมิใจในสิ่งที่เป็นอยู่ หรือจะกระด้างกระเดื่องกับผู้ชายที่บัดนี้ฉันเรียกเขาว่าอาจารย์ ผู้ที่รับฉันเป็นศิษย์ ติดตามเขาเหมือนลูกหมาวิ่งกระดิกหางตามเจ้าของ เท่าที่นึกย้อนไปได้ ขณะเดินสอดส่องไปตามถนนฉันคิดเพียงอย่างเดียวว่าอยากที่จะหนีออกไปให้ไกล และอาจารย์ Furnace ก็เข้ามาเสนอหนทางรอดให้ฉันได้อย่างตรงใจ ภายใต้การปกครองของเขา เขาแสดงให้ฉันเห็นถึงความอดทน มุ่งมั่น และจิตใจที่แน่วแน่ ควบคู่ไปกับการอุทิศตนเพื่ออุดมการณ์อย่างจริงจังเกินกว่านักบวชคนใดๆจะมีต่อโบสถ์ของพวกเขาเสียอีก

ในขณะที่ฉันไม่คิดที่จะขึ้นไปเทียบเคียงวิชาของอาจารย์ อย่างน้อยฉันก็ใช้ความสามารถอื่นๆที่มีเพื่อ Guild ด้วยทักษะที่สั่งสมมาในระหว่างที่เอาตัวรอดไปบนท้องถนน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำได้ สิ่งง่ายๆที่ไม่ต้องรอให้อาจารย์ Furnace บอก สำหรับฉันแล้วเขาเป็นเหมือนกับที่พึ่งทางจิตใจของผู้คนที่ยากจน มันอาจจะยังไม่ใช่ที่ที่ฉันฝันถึง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันท้องอิ่ม ตอนกลางคืนก็ได้หลับบนเตียงนุ่มๆแทนที่จะต้องนอนบนพื้นหินที่แข็งและเย็นเฉียบ

และด้วยความสัตย์จริง สิ่งที่ฉันอยากได้ก็เหลือเพียงไม่กี่อย่างแล้ว
- Cinder, Blacksmith's Guild

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

Guild Ball: ที่มาของทีม Blacksmith's Guild



' Blacksmith’s Guild คงอยู่มานาน เรื่องราวของพวกเขาถูกเล่าขานต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อนที่ Century Wars จะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ สงครามและกองทัพส่งผลดีกับพวกเขาในช่วงที่เกิดความขัดแย้งครั้งนั้น แต่หลังจากนั้น... ก็นั่นแหละ เมื่อเวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน

การรวมตัวเป็นปึกแผ่นของ Empire of the Free Cities นำมาซึ่งสันติสุขและความเจริญรุ่งเรือง ขณะเดียวกันกับที่เกิดการแทรกแซงหลายๆอย่างเพื่อเป็นการออกตัวปกป้องพันธมิตรทั้งหลายที่ยังกระวนกระวายใจหลังสงครามสงบ แทบทุกฝ่ายทั้งหลงลืมหรือมองข้ามไปแล้วว่ากฎหมายจำกัดการจำหน่ายยุทธภัณฑ์ที่ถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัดยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานั้นสร้างความบอบช้ำให้ Blacksmiths มากเกินกว่าจะพรรณนา แต่การคงอยู่ของพวกเขาไม่ใช่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นหรอก อันที่จริงร่างกฎหมายที่ออกมาจากข้ออ้างเรื่องการรักษาสันติภาพนั้น เบื้องหลังคือการรวมหัวกันกดดันของ Guild ต่างๆที่อิจฉาอิทธิพลที่สั่งสมมานานของ Blacksmiths และแม้ในปัจจุบันมัน เรื่องพรรค์นี้มันก็ยังไม่เปลี่ยนไป


แต่เชื่อชั้นเถอะว่าเรื่องแบบนั้นไม่สามารถหยุดพวก Blacksmiths ได้หรอก พวกเขาน่ะแข็งแกร่ง คนจริงทั้งนั้น อย่างน้อยๆทักษะของพวกเขาก็ยังทำให้พวกเขาอยู่ต่อไปได้ในฐานะผู้ชำนาญการผลิตเครื่องป้องกันหรือทำเกือกม้า แต่ตอนนี้พวกระดับอาจารย์ที่มีประสบการณ์สูงจะพาตัวเองเข้าสู่การเป็นเจ้าสำนักและทำงานภายใต้พันธะสัญญาลับเฉพาะ... สัญญาที่ทำกับพวกคนที่ใจไม่ถึงที่จะมือเปื้อนในตลาดมืด เงินไม่น้อยเลยนะที่พร้อมจะเดินทางไปสู่กระเป๋าของชายหญิงไม่ว่าหน้าไหนที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายและ Lawkeeper อีกส่วนพวกที่เหลือก็ออกเดินทางไปทั่วแว่นแคว้นเพื่อค้าขาย พวกเขาภูมิใจในอิสระมากกว่าจะยึดติดอยู่กับสถานที่ใดที่หนึ่ง

ชั้นไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เมื่อตอนที่พวกเขาสร้างทีม Guild Ball ขึ้นมา Guild ของพวกเขาเชิญพวกอาจารย์จากทั่วทุกสารทิศมารวมตัวกัน พวกที่เดินทางมาก็ล้วนเป็นคู่อาจารย์และศิษย์ ดูเป็นความสัมพันธ์ง่ายๆ พวกเขาเดินทางมากันอุ่นหนาฝาคั่งพอๆกับงานประลองเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำ คิดอยู่สินะว่าเมื่อคนหัวแข็งพวกนี้มารวมกันย่อมต้องมีกรณีพิพาท ใช่ไหมล่ะ ฉันคิดว่ามันไม่แปลกเลยถ้าเรื่องจะจบด้วยการเสียเลือดเสียเนื้อ



ยังไงก็เถอะ มันได้เรื่องอยู่ ช่างตีเหล็กส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่ทะนงตนแต่ยังยึดมั่นในจารีตประเพณี น้อยคนมากๆที่จะลดตัวลงไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทเพื่อแสดงความใหญ่โต กลับกันกลายเป็นเจ้าหน้าที่ของกิลด์และผู้บริหารภายในเสียเองที่ต้องคัดเลือกตัวผู้เล่น Guild Ball เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องที่พวกอาจารย์ไม่อยากจะมีส่วนร่วมในการตัดสิน และเมื่อผลการตัดสินใจถูกประกาศออกไป ทีมถูกจัดตั้งขึ้นโดยแทบไม่ได้คำนึงถึงถึงความเหมาะสมของผู้เข้าสมัครด้วยซ้ำ มันบ้ามากที่พวกเขาคัดเลือกกันตามความเคารพและความชำนาญในวิชาชีพ!

ด้วยสิ่งนี้ทำให้รูปแบบการเล่นมีความแตกต่างกันสูง ฉันเองยังต้องยอมรับเรื่องนี้ เมื่อลงสนามคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าคุณกำลังรับมือกับอะไรอยู่ เป็นวิธีที่เฉียบคมที่ทำให้คู่แข่งต้องคาดเดาทิศทางในแทบทุกการกระทำ เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสแน่นอนที่จะต้องวางแผนเมื่อคุณต้องสู้กับทีมเดิมที่ไม่เหมือนเดิมสักครั้ง สรุปว่าพอลงสนามก็ยกหน้าที่ให้กัปตันแล้วกัน '

- Honour, หัวหน้าโค้ชของ Farmer's Guild

สารบัญบทความ

สารบัญบทความ Guild Ball Guild Ball ฟุตบอลแห่งเกียรติยศและความเป็ความตาย!!! Kick Off! ประตูสู่โลกกิลด์บอล!!! Fisherman’s Guild พ...